หลวงปู่ทิม วัดพระขาว อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
หลวงปู่ทิม อตฺตสนฺโต หรือ ท่านพระครูสังวรสมณกิจ แห่ง วัดพระขาว อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ท่านเป็นพระสงฆ์ผู้มีศีลาจารวัตรอันงดงามและมีวัตรปฏิบัติที่ดีพร้อม
เป็นหน่อเนื้อนาบุญของพระพุทธศาสนา คงสมแล้วกับการที่ท่านเป็นที่เคารพศรัทธาเลื่อมใสของบรรดาศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนทั่วไปทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
ตัวของข้าพเจ้านี้ยังปฏิบัติในบวรพระพุทธศาสนามาน้อยนัก ให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสช่วยต่ออายุพุทธศาสนาไปอีกสักหน่อยเถิด หลังจากนั้นจะเป็นตายอย่างไร ก็ไม่กระไรเลย..
หากคนเรานับถือศีล ๕ มีศีล ๕ ติดตัวและเป็นคนดี ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ก็จะยังมีผลและช่วยให้เกิดความคุ้มครองแก่บุคคลนั้นๆได้..
หลวงปู่มักจะสอนให้ทุกๆคน นับถือคุณพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งประจำใจ และให้คิดถึงความตายเป็นอารมณ์ ท่านว่าถ้าผู้ใดระลึกไว้เสมอ ก็จะเป็นผู้ที่ปราศจากทุกข์โศก และมีแต่ความสุข
ทุกคืนก่อนที่จะเข้านอน สิ่งที่หลวงปู่ปฏิบัติเป็นประจำเสมอ คือ
การกราบพระ ๕ ครั้ง
โดยการกราบครั้งที่ ๑ ระลึกถึงคุณพระพุทธ กราบครั้งที่ ๒ ระลึกถึงคุณพระธรรม กราบครั้งที่ ๓ ระลึกถึงคุณพระสงฆ์ กราบครั้งที่ ๔ ระลึกถึงคุณบิดามารดา และกราบครั้งที่ ๕ ระลึกถึงคุณครูบาอาจารย์และผู้ที่มีพระคุณ
ผมเชื่อว่าเพื่อนๆหลายท่านคงรู้จักคำว่า พรหมวิหาร ๔ หลวงปู่เคยสอนว่า
“การรักษาศีลเป็นเรื่องที่ไม่ยาก หากเรามีพรหมวิหาร ๔ คือความมีเมตตาธรรม กรุณาธรรม มุทิตาธรรม และอุเบกขาธรรม..”
ท่านว่าถ้าเรามีทั้งสี่อย่างนี้ครบ ศีลต้องอยู่กับตัวแน่นอน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกครับถ้าเราจะบอกว่า พรหมวิหาร ๔ คือวัตรปฏิบัติหรือคุณธรรมที่หลวงปู่ทิมท่านได้ประพฤติปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอมาตลอดชีวิตของท่าน
กล่าวกันว่า เมตตาธรรม เมื่อเกิดอยู่กับผู้ใดผู้นั้นจะได้ชื่อว่าเป็น พรหม เพราะคำว่าเมตตาไม่ใช่เรื่องของความรัก ความใคร่ หากแต่ความเมตตาในที่นี้คือการมีความปรารถนาดีต่อผู้อื่นอย่างจริงใจ
หลวงปู่ท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูง เมื่อมีลูกศิษย์หรือผู้ที่ความทุกข์ร้อนเข้ามาขอความอนุเคราะห์จากท่าน ท่านก็จะเมตตาให้ความสงเคราะห์เต็มที่สุดกำลังของท่าน
คงเป็นเพราะอาตมามีเมตตา จึงมีคนมากราบไหว้ บางคนก็มาให้เจิมรถ เจิมป้าย จารพระ ฯลฯ
ในแต่ละวันอาตมาต้อนรับญาติโยมก็หมดเวลาแล้ว แต่อาตมาไม่บ่นหรอก มันเป็นแบบนี้มานานแล้ว
สงเคราะห์เพราะสงสารอยากให้ทุกคนมีความสุข ไม่มีความทุกข์..
ว่ากันว่าความเอื้อเฟื้อด้วยน้ำใจเมื่อเห็นความทุกข์ยากของผู้อื่นเป็นที่มาของคำว่าสงสาร การสงสารที่เกิดจากความเห็นอกเห็นใจในทุกข์ของสรรพสัตว์หรือมนุษย์ร่วมโลก ทางพระพุทธศาสนาเราเรียกว่า กรุณาธรรม
หลวงปู่เคยบอกว่าตราบใดที่มนุษย์หรือสรรพสัตว์ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร ก็ต้องได้รับความทุกข์ต่างๆแล้วแต่วิบากกรรมของแต่ละคน
ด้วยเหตุนี้ท่านจึงมีความสงสารต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน การให้ความสงสารและลงมือช่วยเหลือเพื่อให้ทุกคนพ้นทุกข์ด้วยความเต็มใจ โดยใช้หลักธรรมะเข้าไปชี้นำ
การทำความดีนั่นแหละดีที่สุด อย่าไปสร้างเวรกรรมเป็นอันใช้ได้ ต้องนำธรรมะมายึดเหนี่ยวจิตใจ ทำให้จิตใจมั่นคง
กรรมดี ก็ต้องเป็นกรรมดี กรรมชั่วก็ต้องเป็นกรรมชั่ว และการทำกรรมดี ไม่ใช่เป็นการเอากรรมดี ไปล้างกรรมชั่ว..
เคยสังเกตไหมครับเวลาที่พวกเราได้กราบนมัสการหลวงปู่ทิม เรามักจะพบว่าหลวงปู่มักจะยิ้มแย้มแจ่มใสและพูดคุยด้วยความสนุกสนานเสมอ หลายท่านที่เข้าไปกราบท่านมักจะอมยิ้มกันจนตาตี่
การทำให้ผู้อื่นเกิดความสบายใจคำพูดที่ออกมาด้วยความจริงใจไม่มีการบังคับและทำให้ทุกคนเห็นคุณประโยชน์จากคำพูดนั้น ถือเป็นวิธีการแสดงออกซึ่งคุณธรรมคือ มุทิตาธรรม
อาตมาถือความซื่อตรงเป็นสำคัญ ชอบความอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ชอบทำตัวกระด้างกระเดื่อง คนที่จะเป็นที่รักของคนอื่นต้องเป็นคนที่ไม่อวดดี มีสัจจะและต้องพูดจริงทำจริง..
…ธรรมมะคือความจริง ในขณะที่รอยยิ้มเป็นสัญลักษณ์ของความสุข…
คงจะดีไม่น้อยนะครับ หากว่ามีผู้ใดสามารถนำเอาความจริงและความสุขนี้มารวมกันได้ เหมือนอย่างหลวงปู่
สำหรับข้อสุดท้ายของพรหมวิหาร ๔ คือ อุเบกขาธรรม ซึ่งถ้าพูดระดับอนุบาลคือ การวางเฉย หรือ วางตัวเป็นกลาง
อธิบายความได้ว่าการวางเฉยในที่นี้คือในเมื่อไม่สามารถช่วยเขาได้ ก็อย่าไปซ้ำเติมเขา ไม่แสดงอาการคนล้มรีบข้าม เพราะคนเหล่านี้ในคติความเชื่อของพุทธถือว่าบุคคลผู้นั้นอาจจะมีวิบากกรรมคอยติดตามอยู่และต้องชดใช้ไปจนกว่าจะหมดสิ้น
ซึ่งเรื่องนี้หลวงปู่ท่านก็มักสอนอยู่เสมอๆว่า คนเรามีกรรมเป็นของตนเอง และ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ใครทำอะไรไว้ย่อมได้รับผลของการกระทำนั้น ทำนองว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วครับ คนเราจึงควรตั้งมั่นในธรรม
ทุกสิ่งทุกอย่างไม่คงทนถาวรหรอก ไตรลักษณ์ นี่สิของจริง อนิจจัง คือความไม่เที่ยง ทุกขัง คือความทนอยู่ไม่ได้ อนันตา คือความไม่ใช่ตัวตน..
กล่าวกันว่า “สายน้ำมักจะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงเสมอ..” ไม่ว่าจะเป็นเพียงหยดน้ำจากฟากฟ้าหรือจะเป็นเกลียวคลื่นในมหาสมุทร ทั้งหมดนี้ล้วนต้องตกอยู่ในกระแสธารแห่งกาลเวลาทั้งสิ้น หลายสิ่งหลายอย่างในวันนี้ไม่เหมือนเมื่อวันก่อน ไม่มีสิ่งใดคงทนถาวรและเวียนว่ายไปเรื่อยๆเป็นวัฏฏะ…
ปัจจุบัน หลวงปู่ทิม อตฺตสนฺโต หรือ ท่านพระครูสังวรสมณกิจ เจ้าอาวาสวัดพระขาว ต.พระขาว อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา พระเถราจารย์ผู้มีความอาวุโสสูงสุดของ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้มรณภาพแล้ว เมื่อเวลา ๑๑.๐๐ น. ณ โรงพยาบาลโรคทรวงอก จ.นนทบุรี ด้วยอาการสงบ ขณะมีอายุ ๙๖ ปี พรรษา ๖๑
ก่อนหน้านี้หลวงปู่ท่านมีอาการเหนื่อยหอบ หายใจไม่สะดวก อันเป็นโรคที่ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักจะเป็นกัน
ท่านจึงได้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลโรคทรวงอก ซึ่งแพทย์ผู้ตรวจพบว่า หลวงปู่มีอาการโรคปอดติดเชื้ออยู่ด้วย จึงให้พักอยู่ที่โรงพยาบาล และได้มรณภาพดังกล่าว
บันทึกน้อยของผมตอนนี้เขียนขึ้นเพื่อบูชาพระคุณของหลวงปู่ทิม อตฺตสนฺโต แม้หลวงปู่จะละสังขารไปแล้ว แต่ พรหมวิหารธรรม ยังคงเป็นสังฆานุสติที่ยังคอยระลึกถึงอยู่ในใจและในความทรงจำของศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชน…ตลอดไป
เมื่อเราคิดถึงท่าน ท่านก็จะมาอยู่ในใจเรา เมื่อใดที่เรามีทุกข์ร้อนใจ เพียงระลึกถึงคำสอนของท่าน ท่านก็จะมาอยู่ข้างเรา…..
รีวิว
ยังไม่มีบทวิจารณ์